“สู่ความชอบธรรมด้วยความเชื่อ”

Notes
Transcript
“สู่ความชอบธรรมด้วยความเชื่อ”
ยอห์น 3:1-17
คริสตจักรแองลิกัน ลาดกระบัง / คริสตจักรไคร้สตเชิช กรุงเทพ
วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2023
[Slide 1]
พระเจ้าสถิตกับท่าน [และสถิตกับท่านด้วย]
เช้านี้เราเข้ามาเรียนรู้จากบทสนทนาระหว่างนิโคเดมัสกับพระเยซูคริสต์ สิ่งที่พระเจ้าจะเปิดเผยและสำแดงกับเราในเช้า / บ่ายวันนี้ เป็นหนึ่งในบทสนทนาในพระคัมภีร์ที่เข้าใจยากครับ และจำเป็นต้องการการเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อที่เราจะเข้าใจความหมายของบทสนทนานี้ให้ถูกต้องเหมาะสมและอย่างลึกซึ้ง
พี่น้องที่รักครับ ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน ก้มศีรษะหลับตา อธิษฐานเพื่อรับพระคำพระเจ้าด้วยกันครับ ในเช้า / บ่ายวันนี้
“พระเจ้าผู้ทรงพระคุณ โปรดประทานหัวใจที่ถ่อม ยินดีรับการสอน และใจที่เชื่อฟัง ในขณะที่ลูกรับการเปิดเผยและสำแดงจากพระคำของพระองค์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอทรงประทานกำลังที่ลูกจะสามารถกระทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงเปิดเผยและสำแดง ให้เป็นจริงในชีวิตของลูก ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”
มีนักวิชาการพระคัมภีร์ (E. Kasemann) กล่าวว่า พระกิตติคุณยอห์น เป็นเหมือนกับอ่างอาบน้ำที่ตื้นพอสำหรับเด็กทารกที่แหวกว่าย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นกับน้ำที่ลึกพอที่ช้างทั้งตัวก็สามารถจมน้ำตายได้
สำหรับพระกิตติคุณยอห์นแล้วจะว่าอ่านง่ายก็ได้ครับ เพราะส่วนใหญ่เมื่อเราเป็นผู้เชื่อใหม่ พี่เลี้ยง อาจารย์ก็จะแนะนำให้อ่านยอห์นก่อน บางทีก็จะมีหนังสือที่พิมพ์เฉพาะยอห์นให้อ่าน เหมือนที่ E Kasemann บอกว่าเหมือนอ่างอาบน้ำเด็กทารกที่ตื้นพอที่เด็กจะแหวกว่ายได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็กลายเป็นน้ำที่ลึกมากพอที่ช้างทั้งตัวจมน้ำตายได้
ถ้าจะอ่านให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ถ่องแท้ ช้างทั้งตัวก็จมน้ำตายได้ แต่จะว่าเข้าใจยากก็ยากจริงๆ ที่จะเข้าใจความที่ลึกซึ้งลงไปอีก
บทที่ 3 เริ่มต้นด้วย ชายที่มีอำนาจและฐานะคนหนึ่งชื่อ นิโคเดมัส ในข้อ 1บรรยายว่า นิโคเดมัสเป็นทั้งฟารีสีและขุนนางของคนยิว ตามคำแปล 2011 หมายถึงนิโคเดมัส มีที่นั่งอยู่ในสภายิว (สภาซานฮีดิน ที่มีอยู่ 72 คน) ใช่สำหรับตัดสินคดีความต่างๆสำหรับยิวตามธรรมบัญญัติครับ ถ้าเปรียบกับเราสมัยนี้ คือ สมาชิกสภาผู้ทรงเกียรติที่นั่งอยู่ในรัฐสภา พวกนี้ เขามีความเข้าใจบทบัญญัติพระเจ้าอย่างดี
[Slide 2]
ยอห์นบันทึกว่า นิโคเดมัสมาเข้าเฝ้าพระเยซูในยามค่ำคืน เพื่อสนทนาธรรม พระกิตติคุณยอห์น นอกจากจะ บันทึกเรื่องราวของพระเยซูคริสต์แล้ว อัครทูตยอห์น ยังเขียนเป็นภาษาเชิงสัญลักษณ์ด้วยครับ
ในข้อที่ 2 นิโคเดมัส “มาหาพระเยซูตอนกลางคืน”
สำหรับยอห์นแล้ว ความมืดเป็นตัวแทนของโลกนี้ และพระเยซูทรงเป็นความสว่าง
พระเยซูตรัสว่ายามกลางคืนเป็นช่วงที่เราจะเดินสะดุดเพราะไม่มีความสว่าง
ยอห์น 11:10 “แต่ถ้าใครเดินตอนกลางคืนเขาจะสะดุด เพราะไม่มีความสว่างในตัวเขา”
ยอห์น 13:30 “ยูดาสรับขนมปังชิ้นนั้นแล้วเขาก็ออกไปทันที ขณะนั้นเป็นเวลากลางคืน”
กลางคืนเป็นช่วงเวลาที่แบ่งแยก แตกแยก ทรยศหักหลัง ต่อตนเองและคนอื่น แบบยูดาส ที่เดินละออกจากพระเยซูที่เป็นความสว่าง ออกไปท่ามกลางความมืดไปทำในสิ่งที่ซาตานปรารถนาให้เขาทำ คืออายัดพระคริสต์
ช่วงกลางคืนที่ปราศจากพระคริสต์ ใน ยอห์น 21:3 “...แต่คืนนั้นเขาจับปลาไม่ได้เลย”
เป็นช่วงเวลาที่เหล่าสาวกที่ละทิ้งพระคริสต์ไปจับปลาตลอดทั้งคืนแล้วจับปลาไม่ได้เลย ความพยายามของเราในความมืดจะไม่เกิดผลใดๆ แห่จับปลาของเราจะมีแต่ความว่างเปล่า
นิโคเดมัส ในช่วงเวลากลางวัน เขาเป็นฟาริสี ที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับในเยรูซาเล็ม เมืองหลวงของยิว ไปที่ไหนก็มีคนรู้จัก ยกย่อง และให้เกียรติ เป็นผู้ปกครองอยู่ในสภายิวที่ทรงเกียรติ มีคนนำคดีความต่างๆที่เกี่ยวกับธรรมบัญญัติของโมเสสมาให้เขาตัดสินคดีความ ในช่วงเวลากลางวัน เขานั่งอยู่ในที่นั่งที่ทรงเกียรติ ที่นั่งของโมเสส เขานั่งในที่นั่งที่มีอำนาจและความมั่นคง
นิโคเดมัส ในเวลากลางคืน ในเวลาที่อยู่ในความมืด เขาต้องการความเข้าใจความหมายของชีวิต เป้าหมายในชีวิต ตำแหน่งหน้าที่การงาน ชื่อเสียง เงินทอง ความสำเร็จในเวลากลางวันให้ความหมายชีวิตกับเขาไม่ได้ ในเวลากลางคืนเขาเดินสะดุด เขามีคำถาม การงานของเขาดูว่างเปล่า แห่อวนของเขาไม่มีปลา เขามองหาบางอย่างที่ช่วงเวลากลางวันให้เขาไม่ได้ แล้วเขาก็มาหาพระเยซู
เขามาหาพระเยซู เพื่อค้นหาความหมายในชีวิต
พี่น้องที่รักครับ เราเองก็เป็นเหมือนนิโคเดมัสครับ เราต่างมีชีวิตอยู่ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน กลางวันเรามีตัวตนเรามีความมั่นคง แต่อีกด้านหนึ่งของเรา ด้านมืด กลางคืน เรากลับสับสน เราไม่รู้ว่าเราอยู่เพื่ออะไร บางทีก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ว่างเปล่า เราทำงานเหน็ดเหนื่อยมากในช่วงกลางวัน เพื่อชีวิตที่ดี มั่นคง มีชื่อเสียง แต่ในเวลากลางคืน เรากลับพบว่าชีวิตที่ผ่านมาว่างเปล่า เป็นช่วงเวลาที่เราปล้ำสู้กับความหมายชีวิตของเรา ให้เราทำเหมือนนิโคเดมัสครับ เขามาหาพระเยซูในเวลากลางคืน ท่ามกลางความมืดในชีวิตของเรา ให้เราเข้ามาหาพระเยซู ผู้ทรงเป็นองค์ความสว่าง
ถ้าพี่น้องเป็นคนๆนั้นที่กำลังสับสน หาความหมายในชีวิต เช้านี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พี่น้องมาฟังพระคำพระเจ้าครับ ให้เราเข้ามาพิจารณาบทสนทนาระหว่างนิโคเดมัสกับพระเยซูคริสต์ครับ เราเรียนรู้อย่างน้อย สามประการครับ ที่เราจะเข้าใจเป้าหมายในชีวิตของเรา เราเกิดมาทำไม และกำลังจะไปไหน
[Slide 3]
สามประการ การเข้าสู่แผ่นดินพระเจ้า
(1) เราทุกคนต้อง “บังเกิดใหม่” บังเกิดใหม่จากเบื้องบน ข้อ 2-8
[Slide 4-5-6-7]
“2คนนี้มาหาพระเยซูตอนกลางคืนทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ เราทราบว่าท่านเป็นครูที่มาจากพระเจ้า เพราะไม่มีใครทำหมายสำคัญที่ท่านทำนั้นได้ นอกจากพระเจ้าสถิตกับเขา” 3พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าคนใดไม่ได้เกิดใหม่ (เกิดจากเบื้องบน) คนนั้นไม่สามารถเห็นแผ่นดินของพระเจ้า” 4นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า “คนชราจะเกิดใหม่ได้อย่างไร? จะเข้าไปในท้องของแม่ครั้งที่สองแล้วเกิดใหม่ได้หรือ?” 5พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าใครไม่ได้เกิดจากน้ำและพระวิญญาณ คนนั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ 6ที่เกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และที่เกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ 7อย่าประหลาดใจที่เราบอกท่านว่าพวกท่านต้องเกิดใหม่ 8ลมจะพัดไปที่ไหนก็พัดไปที่นั่น และท่านได้ยินเสียงลมนั้นแต่ไม่รู้ว่าลมมาจากไหนและไปที่ไหน คนที่เกิดจากพระวิญญาณ ก็เป็นอย่างนั้นทุกคน”
นิโคเดมัส เริ่มต้น ยอมรับว่า พระเยซูมาจากพระเจ้า และท่านทราบดีว่าพระเจ้าสถิตกับพระองค์ เพราะไม่มีใครทำหมายสำคัญที่ท่านทำได้
พระเยซูทรงทราบความในใจของนิโคเดมัสเป็นอย่างดี นิโคเดมัสเป็นตัวแทนของ คนที่ยึด ความชอบธรรมของตนเอง ตัวแทนของโลกนี้ที่ยึดความชอบธรรมของตนเอง เขามาจากความมืด และเข้าหาพระเยซูที่เป็นองค์ความสว่าง บทสนทนานี้จึงเป็นบทสนทนาสำหรับเราที่จะเข้าใจความสว่างของข่าวดี ข่าวประเสริฐ พระเยซูกำลังเป็นพยานให้กับนิโคเดมัส ที่กำลังแสวงบางอย่าง และเขารู้ว่าสามารถพบได้จากพระเยซูคริสต์
พระเยซูตรัสกับนิโคเดมัสว่า
“เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าคนใดไม่ได้เกิดใหม่ (เกิดจากเบื้องบน) คนนั้นไม่สามารถเห็นแผ่นดินของพระเจ้า”
นิโคเดมัส ไม่ได้โง่นะครับ เขาเป็นถึงฟารีสี ผู้นำที่เข้าใจธรรมบัญญัติเป็นอย่างดี เขาตอบพระเยซู เป็นเหมือนกับการประชดประชัน พระเยซูคริสต์ กลายๆ
“คนชราจะเกิดใหม่ได้อย่างไร? จะเข้าไปในท้องของแม่ครั้งที่สองแล้วเกิดใหม่ได้หรือ?” คนชราน่าจะหมายถึงตัวเขาเองที่อายุมากแล้ว
เกิดใหม่นี้ ภาษากรีก ควรจะแปลว่า บังเกิดจากเบื้องบน
5พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าใครไม่ได้เกิดจากน้ำและพระวิญญาณ คนนั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ 6ที่เกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และที่เกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ
บังเกิดใหม่ด้วยน้ำและพระวิญญาณ หมายความว่าอย่างไร
พระเยซูหมายถึงอะไร ด้วยน้ำและพระวิญญาณ
อะไรคือความสำคัญของน้ำ และพระวิญญาณ
เราต้องไปที่พันธสัญญาเดิม ความหมายของน้ำ และพระวิญญาณ
[Slide 8]
เอเสเคียล 36: 25-26
“25เราจะเอาน้ำสะอาดพรมเจ้าทั้งหลาย แล้วเจ้าจะสะอาดพ้นจากมลทินทั้งหลายของเจ้า และเราจะชำระพวกเจ้าจากรูปเคารพทั้งหลายของเจ้า 26เราจะให้ใจใหม่แก่พวกเจ้า และเราจะบรรจุวิญญาณใหม่ไว้ภายในของเจ้าทั้งหลาย เราจะนำใจหินออกจากเนื้อของเจ้า และให้ใจเนื้อแก่เจ้า”
เอเสเคียล ที่หุบเขาของกระดูกแห้ง และจะกลับมามีชีวิต ต้องการสองสิ่งคือ การชำระล้าง
พวกเขา ตายแล้วและเป็นมลทิน ตราบเท่าที่พวกเขายังเป็นมลทิน และ ต้องกลับมามีชีวิตด้วยการเป็นขึ้นฝ่ายวิญญาณ
คนที่ไม่ได้รับการชำระโดยพระเจ้าให้ปราศจากมลทิน และ กลับมามีชีวิตอีกครั้งฝ่ายวิญญาณ
“เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าใครไม่ได้เกิดจากน้ำและพระวิญญาณ คนนั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ 6ที่เกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และที่เกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ
เนื้อหนังไม่สามารถนำเขาเข้าสู่แผ่นดินพระเจ้า พวกยิวเข้าใจผิดคิดว่า เป็นลูกหลานฝ่ายเนื้อหนังของอับราฮัมจะได้เข้าสู่แผ่นดินพระเจ้า
บางคนในที่นี่ ที่เกิดมาในครอบครัวคริสเตียน เป็นเหมือนกับการเกิดจากเนื้อหนัง ไม่ได้มีส่วนในแผ่นดเนพระเจ้า ไม่ได้ทำให้เราเป็นคริสเตียน
การเข้าสู่แผ่นดินพระเจ้า ไม่ได้เกิดจากการกระทำใดๆทั้งสิ้นของมนุษย์ พระเยซูสอนนิโคเดมัสว่า ที่เกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และที่เกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ
การงานของเนื้อหนัง ของมนุษย์ไม่สามารถทำให้เราบังเกิดจากเบื้องบนได้ครับ
สำหรับนิโคเดมัสเองที่เป็นยิว เขามั่นใจว่ายิวสืบเชื้อสายจากอับราฮัม เขาต้องได้เข้าไปในแผ่นดินพระเจ้าอย่างแน่นอน แต่พระเยซูตรัสว่าอย่างไรครับ ในมัทธิว 3: 9 “อย่าทึกทักว่าตัวเองมีอับราฮัมเป็นบรรพบุรุษ” ตำหนิฟารีสีและพวกสะดูสี
การที่เราเกิดมาในครอบครัวคริสเตียน ก็ไม่ได้การันตี หรือหมายความว่า เราจะเข้าสู่แผ่นดินพระเจ้านะครับ
ส่วนของกายภาพ เนื้อหนังก็เป็นเรื่องของกายภาพ หรือการเกิดจากเบื้องล่าง ไม่ใช่ที่ การเกิดใหม่จากเบื้องบน ครับ ความรอดมาจากเบื้องบนครับ จากบนลงล่างครับ ไม่ใช่จากเบื้องล่างขึ้นบน เป็นไปไม่ได้
การงานของเนื้อหนัง หรือแม้แต่การทำความดีของเรา โดยปราศจากพระเจ้า ไม่สามารถทำให้เราเข้าสู่แผ่นดินพระเจ้าได้ครับ เพราะมาจากเบื้องล่าง
และความหมายที่สองคือ การเข้าสู่แผ่นดินพระเจ้า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่นั้นเราเข้ามาที่คริสตจักรแล้วเราอธิษฐานต้อนรับพระเยซู ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เพื่อนของเรา พี่ของเรา ชวนเรามาคริสตจักร และเรามีความเชื่อ เราต้อนรับพระเยซู
พระเยซูตรัสว่า 8ลมจะพัดไปที่ไหนก็พัดไปที่นั่น และท่านได้ยินเสียงลมนั้นแต่ไม่รู้ว่าลมมาจากไหนและไปที่ไหน คนที่เกิดจากพระวิญญาณ ก็เป็นอย่างนั้นทุกคน”
เป็นน้ำพระทัยและพระประสงค์พระเจ้า พระวิญญาณจะพัดไปที่ไหนก็พัดไปที่นั้น เป็นพระวิญญาณบริสุทธ์ที่ทรงทำงานในใจเราให้เรามีความเชื่อ และรับการบังเกิดใหม่จากเบื้องบน
โดยตัวของเราเอง เราไม่สามารถเข้าแผ่นดินพระเจ้าได้เลย
ความรอดเป็นสิ่งที่เราได้รับ ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องทำบางอย่างจึงจะได้มา
พระวิญญาณเหมือนกับลมพัดไปที่ใด
ลมเรามองไม่เห็นแต่เราสัมผัสได้ เมื่อพระวิญญาณทำงานในใจของผู้เชื่อ แม้เรามองไม่เห็น แต่เราสัมผัสได้ เรารู้ได้ว่าคนนี้มีความเชื่อ เราทราบ เราสัมผัสได้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
โดยตัวของเราเอง เราไม่สามารถเข้าแผ่นดินพระเจ้าได้เลย
เป็นงานของพระเจ้า ไม่ใช่งานของเรา เราทำไม่ได้ เราทำให้เราเกิดเองไม่ได้ เหมือนกับที่เราไม่สามารถทำอะไรได้เองเลยตอนเราเกิดมาเป็นทารก
เราจะสัมผัสได้ เราจะบอกได้ ครับ เหมือนลมพัดมา เรามองไม่เห็นแต่เราสัมผัสได้ คนที่บังเกิดจากเบื้องบน เราสังเกตได้ เราสัมผัสได้ครับ โดยพระวิญญาณของพระเจ้า คนที่ยังอยู่กับเนื้อหนังอยู่ก็อยู่กับเนื้อหนังครับ เราก็จะสัมผัสได้เช่นกัน
เราสามารถบอกได้ว่าคนไหนบังเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณ คนที่บังเกิดจากเบื้องบนคือ ความรักในหัวใจ ลำดับความรักในชีวิตของเขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ เราจะรักพระเจ้าก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด
มันง่ายที่เราบอกว่าเราเป็นคริสเตียน พระเจ้ารักฉัน แต่มันอยู่แค่ที่ความคิดของเรา ในขณะเดียวกัน
จัดลำดับความรักใหม่ ถ้าเราไม่รักพระเจ้าก่อน สิ่งที่เรารักจะ....เราจะรักสิ่งอื่นๆแทนที่พระเจ้า พระเจ้ามาเป็นลำดับสุดท้าย ถ้าเรารักภรรยาหรือลูกของเราก่อนพระเจ้า ความรักของเราจะทำร้ายเขาครับ เพราะความรักนั้นปราศจากความรักที่มาจากพระเจ้า แต่ถ้าเรารักพระเจ้าก่อน รักภรรยาลูกๆของเรา เราจะสามารถรักภรรยาและลูกๆของเราได้อย่างดีที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะรักคนอีกคนหนึ่งได้ นี้เป็นสัจจะ เป็นความจริง
[Slide 9]
ที่หลุมฝังศพของ วิคค่าร์ท่านหนึ่ง ที่คริสตจักร St Mary’s Church Everton อังกฤษ
ศานาจารย์จอห์น เบอร์ริท ท่านจารึก Timeline ในชีวิตของท่าน
ร่างที่ฝังอยู่ที่นี่เป็นของวิคค่าร์ จอห์น เบอร์ริท
สำหรับคนที่กำลังอ่านคำที่จารึกบนหลุมศพนี้ ท่านบังเกิดใหม่หรือยัง?
ไม่มีความรอดหากปราศจากการบังเกิดใหม่
ข้าพเจ้าเกิดในความบาปในเดือนกุมภาพันธ์ 1716
ยังคงดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้สภาพที่ร่วงหล่นนี้จนถึงปี 1730
ดำเนินชีวิตอยู่อย่างภาคภูมิใจว่า สามารถได้รับความรอดผ่านทาง ความเชื่อ และ การทำความดีจนถึงปี 1754
สถาปนาเป็นวิคค่าร์ที่ Everton ที่ข้าพเจ้าเป็นศิษยาภิบาลอยู่ในปี 1755
ข้าพเจ้าเข้าลี้ภัยพึ่งพาในพระเยซูคริสต์เพียงผู้เดียวในปี 1756
ล่วงหลับอยู่ในพระคริสต์ วันที่ 22 มกราคม 1793
ประการที่ 1 ครับ ทุกคนที่จะเข้าแผ่นดินพระเจ้า ได้รับความรอด ต้องบังเกิดใหม่จากเบื้องบนครับ ได้รับการชำระมลทินจากบาป และ เป็นการงานของพระวิญญาณที่ให้เรามีความเชื่อ ครับ ไม่ใช่การงานของเนื้อหนัง การทำความดีใดๆทั้งสิ้น ไม่สามารถช่วยเราได้ครับ
อิสยาห์ 64 บอกกับเราครับ ว่า ความดีของมนุษย์นั้นก็เปรียบเหมือนกับผ้าขี้ริ้วในสายพระเนตรพระเจ้าครับ เพราะมนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป ไม่มีสักคนครับใต้ฟ้านี้ที่นับว่าบริสุทธิ์ปราศจากบาป ยกเว้นพระเยซูคริสต์ นำไปสู่ข้อที่ 2 ครับ
[Slide 10]
(2) ได้รับ “ความรอดโดยพระเยซู” ผ่านทางไม้กางเขน เท่านั้น (ข้อ 13-15)
[Slide 11]
“13ไม่มีใครเคยขึ้นไปสวรรค์นอกจากผู้ที่ลงมาจากสวรรค์ คือบุตรมนุษย์ 14โมเสสยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารอย่างไร บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นอย่างนั้น 15เพื่อทุกคนที่วางใจพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์”
พระเยซูเป็นพยานให้กับพระองค์เอง กับนิโคเดมัส ผ่านเรื่องราวของอิสราเอล ที่บันทึกในโทราห์ กันดารวิถี เพราะนิโคเดมัสซึ่งเป็นฟารีสี จะสามารถเข้าใจได้ทันที เหตุการณ์พระเยซูยกขึ้นมาเพื่อเป็นพยานถึงพระองค์เองอยู่ในกันดารวิถีบทที่ 21:9 ครับ
[Slide 12]
กันดารวิถี 21: 9
“9ดังนั้นโมเสสจึงทำงูทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่ง และติดไว้บนเสา และเมื่องูกัดใคร ถ้าคนนั้นมองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้น เขาก็มีชีวิตอยู่ได้”
อิสราเอลออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ต่อมาพวกเขาบ่นต่อว่าพระเจ้า บ่นต่อว่าโมเสส ที่พามาลำบากในถิ่นทุรกันดาร กันดานน้ำ และ อาหาร ชีวิตไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ในอียิปต์ พระเจ้าพิพากษาพวกเขาโดยส่งงูพิษให้มากัดอิสราเอล และล้มตาย จนกระทั่งอิสราเอล มาหาโมเสส และบอกกับโมเสสว่า อืม พวกเขาผิดไปแล้ว ขอโมเสส ช่วยพวกเขาที พระเจ้าจึงสั่งโมเสส ให้ทำงูสัมฤทธิ์มาตัวหนึ่ง ติดไว้บนเสา คนที่ถูกงูกัด ถ้าเงยหน้ามองดูที่งูสัมฤทธ์นั้นจะได้รับการรักษาให้หายจากพิษงู ไม่ต้องตาย
พี่น้องที่รักครับ งูสัมฤทธิ์ที่ไม้นั้นสำหรับอิสราเอลแล้วคือพระคุณพระเจ้าครับ พวกเขาบ่นต่อว่าพระเจ้า พวกเขาได้รับพิษงู เปรียบเหมือนกับงูในปฐมกาล บทที่ 3 ที่มาล่อลวงอาดัมและเอวาให้ล้มลงในความบาปปฎิเสธพระเจ้า ยกตัวเองขึ้นอยากเป็นเหมือนพระเจ้า นิโคเดมัสเข้าใจทันทีว่า หากปราศจากพระคุณพระเจ้าแล้ว ไม่มีสักคนที่จะได้รับความรอด พระเยซูบอกว่า พระองค์เองก็ต้องถูกยกขึ้นเหมือนงูสัมฤทธิ์นั้นที่ไม้ พระองค์กำลังบอกนิโคเดมัสว่า พระองค์เองจะถูกยกขึ้นที่ไม้กางเขน ที่ไม้กางเขน ใครก็ตามที่มองดูที่ไม้กางเขน จะได้รับความรอดจากพิษของความบาปที่อยู่ในชีวิตของเรา
เวลาที่พระเยซูพูดกับนิโคเดมัส เขาคงยังไม่เข้าใจเรื่องของไม้กางเขน แต่หลังจากที่พระเยซูทรงถูกตรึง ถูกยกขึ้นที่ไม้กางเขน นิโคเดมัส ต้องเข้าใจทันทีอย่างแน่นอน เพราะเขาคงจำบทสนทนากับพระเยซูได้ในค่ำคืนนี้ พระคัมภีร์บันทีกว่า เป็นนิโคเดมัสที่นำเครื่องหอมมาช่วยชะโลมพระศพของพระเยซู คริสต
อิสราเอล รอดจากความตายความพินาศจากพิษงู เพียงจ้องมองที่งูสัมฤทฺธิ์ เหมือนเราที่ได้รับความรอด เมื่อเรามองดูที่ไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงแบกรับเอาพิษงูออกไป
มีเพียงทางพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่พระเจ้าให้สยบพิษงูร้ายได้ พิษของความบาป ความจริงแล้วเราทุกคนต้องตายและพินาศภายใต้ความบาปในชีวิตของเรา เหมือนอิสราเอลที่โดนพิษงู ปลายทางของเค้าคือความตาย แต่เพราะงูสัมฤทธิ์เขาไม่ต้องตาย เราเองก็เช่นกัน ปลายทางของเราคือความพินาศในความบาป แต่ไม้กางเขนช่วยเราให้เราได้รับความรอด ไม่ใช่ด้วยความดีของเรา แต่เพราะบารมีของพระเยซูคริสต์ ผุ้ทรงเป็นพระเจ้าและเป็นมนุษย์แท้ปราศจากบาป
ทั่วใต้ฟ้า พระเจ้าไม่โปรดให้มีทางอื่น พบเพียงทางเดียวคือทางไม้กางเขนของพระคริสต์ ไม่มีทางอื่นเลย
ไม้กางเขน สำแดง ความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา
ไม้กางเขนเป็นความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา
เป็น ข่าวดี ความหวังของเราในแผ่นดินพระเจ้ามั่นคงอยู่ที่ไม้กางเขน ไม่ใช่ความดีของเราเลย
[Slide 13]
(3) เป็นของขวัญจากความรักพระเจ้า เพื่อเราจะได้รับชีวิตนิรันดร์ (ข้อ 16-17)
อัครทูตยอห์นสรุปอย่างนี้ครับ
[Slide 14]
“16พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ 17เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก ไม่ใช่เพื่อพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น”
เป็นเนื้อความเดียวกันกับ อัครทูตเปาโล ครับ ใน
โรม 5:8
“8แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา”
ไม้กางเขนเป็นความรักจากพระเจ้า พระเยซูคริสต์เป็นของประทานจากพระเจ้า หรือความหมายคือ เป็นของขวัญ ที่พระเจ้าประทานให้ ไม่ใช่ด้วยการทำความดี
เชื่อที่ใจ รับด้วยปาก
พระเจ้าพระองค์ทรงยกชูพระเยซูขึ้นบนไม้กางเขน และ ทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์และประทับเบื้องขวาพระองค์ สายตาของลูกจับจ้องมองที่ไม้กางเขน เพื่อที่ลูกจะได้รับการรักษาให้หายดี
[Slide 15]
อยากจะจบคำเทศนาด้วยคำพยานการบังเกิดใหม่ของ Charles Spurgeon นักเทศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษ ตอนที่เขาเป็นวัยรุ่น เขากำลังอยู่ในช่วงที่สับสนในความเชื่อของเขา อาจจะเหมือนกับนิโคเดมัส ตอนนี้ วันอาทิตย์วันหนึ่งเขาต้องการไปคริสตจักร แต่เกิดพายุหิมะพัดถล่มมาอย่างหนัก จนเขาไม่สามารถไปคริสตจักรที่เขาไปประจำได้ เขาเข้าไปในโบส์ถเล็กๆแห่งหนึ่งที่อยู่หัวมุมที่อยู่ใกล้ที่สุด เข้าไปในนั้นโบส์ถเรียกได้ว่าเกือบจะว่างเปล่า อาจารย์ก็มาไม่ได้เพราะติดหิมะ เดินทางมาไม่ได้ มีเพียงแค่คนอยู่สามสี่คน แล้วหนึ่งในนั้นที่เป็นสมาชิก ก็ลุกขึ้นมาเทศนา Charles Spurgeon บอกว่าเป็นคำเทศนาที่แย่ที่สุดที่เขาเคยฟังมา แต่เขากลับจดจำคำเทศนานั้นได้เป็นอย่างดี ชายคนหนึ่งอ่านพระคำจาก อิสยาห์ 45:22 “มวลมนุษย์ทั่วโลก จงมองมาที่เราและรับการช่วยให้รอด...”
ชายคนนั้นเทศนาต่อว่า เราแทบจะต้องทำอะไรเลย แม้แต่กระดิกนิ้ว เพียงแค่มองมาที่พระเจ้า เพื่อรับความรอด เราไม่ต้องมีเงินเป็นแสนเป็นล้านต่อปี เราไม่ต้องมีเงินมหาศาลเพื่อที่เราจะมอง เราอาจจะเป็นคนดีหรือคนเลวก็ได้ ไม่สำคัญ ขอเพียงแค่เรามอง เราไม่ต้องมองที่ตัวเราเอง เพราะไม่มีความหวังในตัวเรา และชายคนนั้นยกเสียงขึ้นและกล่าวว่า ข้อพระคำนี้เป็นคำพูดของพระเยซู พระเยซูจะกล่าวว่า
จงมองมาที่เรา เราได้หลั่งเลือดของเราออก
จงมองมาที่เรา เราถูกตรึงอยู่ที่ไม้กางเขน
จงมองมาที่เรา เราตายและถูกฝัง
จงมองมาที่เรา เราเป็นขึ้นจากความตาย เราขึ้นสู่สวรรค์ และเรานั่งอยู่ที่เบื้องขวาพระเจ้าพระบิดา
จงมองมาที่เรา
แล้วชายคนนี้ก็มองมาที่ Charles Spurgeon มีคนอยุ่ในโบส์ถแค่สามสี่คน ชายคนนี้เลือกที่มองมาที่ Charles Spurgeon ที่เป็นเด็กวัยรุ่น และกล่าวว่า “หนุ่มน้อย เธอดูช่างน่าสมเพช ชีวิตเธอช่างน่าสมเพชจริงๆ ชีวิตเธอจะสู่ความตายอย่างน่าสมเพช ถ้าเธอไม่เชื่อฟังในถ้อยคำของเรา” และในทันใดนั้นเอง Charles Spurgeon ก็เข้าใจ เขารู้แล้วว่า ที่ผ่านมาเขาพร้อมที่จะทำ 50 สิ่ง ถ้ามีคนบอกว่าถ้าเขาทำสิ่งเหล่านี้แล้วเขาจะได้รับความรอด เขาต้องการได้รับความรอดจากการกระทำของเขา เขาเข้าใจแล้วว่า จริงๆแล้วเขาแค่มองมาที่พระคริสต์ เข้ามาหาพระคริสต์ การกลับใจใหม่จากบาป จึงไม่ใช่แค่กลับใจจากการทำสิ่งที่ผิด สิ่งที่ไม่ดีเท่านั้น แต่การกลับใจใหม่ยังหมายถึง การกลับใจการทำความดี โดยคิดว่าความดีจะช่วยเราได้ อีกด้วย ที่ผ่านมาเขาพยายามแต่มุ่งแต่ต้องการทำสิ่งดีต่างๆ เพื่อช่วยตัวเขาเองให้ได้รับความรอด สิ่งที่พระเจ้าต้องการคือเพียงแค่มองมาที่พระเยซู เพียงเขาหันมาหาพระเยซู มาพบพระเยซูเท่านั้น ก็เพียงพอ
นี่คือการกลับใจใหม่ที่นำมาสู่ชีวิตนิรันดร์ บอกกับพระเจ้า คุณพ่อของเราว่า “ลูกไม่เพียงแต่กลับใจจากความผิดบาปเท่านั้น ลูกขอกลับใจจากการทำความดีด้วยแรงจูงใจที่ไม่ถูกต้องด้วย ความดีที่เราเคยทำมา เราทำความดีต่างๆเพียงเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าเราต้องการควบคุมพระองค์ ต้องการรู้สึกดีกับตัวเราเอง หรือให้คนอื่นๆยกย่องลูก จริงๆแล้วลูกกำลังทำสิ่งที่ผิดแม้ว่าสิ่งที่ทำจะดีก็ตาม จิตวิญญาณของลูกล่มสลาย ลูกยอมจำนนกับพระองค์และขอยอมรับว่า ลูกไม่สามารถเข้าแผ่นดินพระเจ้าด้วยกำลังความดีของลูกเอง สิ่งที่ลูกต้องการคือพระคุณพระเจ้า และนี่คือการกลับใจที่แท้จริง นี่คือความเชื่อที่แท้จริง”
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
“สู่ความชอบธรรมด้วยความเชื่อ”
ยอห์น 3:1-17
วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2023
สามประการ “เข้าสู่แผ่นดินพระเจ้า” สู่ความชอบธรรมด้วยความเชื่อ
(1) “บังเกิดใหม่จากเบื้องบน” (ข้อ 3-8)
“... บังเกิดจากน้ำและพระวิญญาณ...”
เอเสเคียล 36: 25-26
(2) “รับความรอดโดยพระเยซู” เท่านั้น (ข้อ 13-15)
กันดารวิถี 21:9
(3) “รับของขวัญจากความรักพระเจ้าที่ไม้กางเขน” เพื่อรับชีวิตนิรันดร์ (ข้อ 16-17)
โรม 5: 8
สรุป:
ช่วงเทศกาลมหาพรตนี้ ให้เราได้เข้ามาแพ่งมองที่ไม้กางเขน ซาบซึ้งในความรักของพระเจ้าที่ทรงประทานพระเยซูคริสต์เพื่อเรา รับของขวัญชีวิตนิรันดร์ผ่านทางความเชื่อในพระคริสต์ที่ไม้กางเขน
ยอห์น 3:16 “16พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”
คำถามสำหรับกลุ่มย่อยเพื่อการพูดคุยกัน:
(1) “พระเจ้าประทานความรอดที่พบเพียงการไถ่ของพระเยซูคริสต์ที่ไม้กางเขน” ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร? ลองแบ่งปันในกลุ่มย่อย
(2) ช่วงเทศกาลมหาพรต 40 วันในปีนี้ เราตั้งใจที่จะแสดงความรักของพระเจ้าที่ไม้กางเขนเป็นการกระทำภายนอกอย่างไร
(3) ท่องจำข้อพระคัมภีร์ ยอห์น 3:16 วันอาทิตย์หน้ามาท่องจำข้อพระคัมภีร์นี้ในกลุ่มย่อยด้วยกัน
